เอก รังสิโรจน์ เล่าทั้งน้ำตา 20 ปีที่ผ่านมา กราบขอบคุณมีวันนี้ได้เพราะ อาฉลอง

จากกรณีที่ก่อนหน้านั้น ได้มีข่าวเศร้าของวงการบันเทิง เมื่อ ผู้กำกับและผู้สร้างภาพยนต์ ฉลอง ภักดีวิจิตร ได้เสียชีวิตวันที่ 13 กันยายน 2567 ปิดตำนานเจ้าพ่อระเบิดภูเขาเผากระท่อมเจ้าพ่อหนังแอคชั่นไทย สิริอายุ 93 ปี ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี เวลาประมาณ 15.30 น ทำให้เหล่าดาราและแฟนๆต่างโศกเศร้ากัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เอก รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็งเรียกว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิอีกคน

ล่าสุด หลังจากรดน้ำศพอาฉลอง เจ้าตัวก็ได้เปิดใจทั้งน้ำตา บอกว่าตลอดเวลาที่ร่วมงานด้วยกัน อาฉลอง เปรียบเสมือนครูที่คอยพร่ำสอนให้ตนได้มีวันนี้ จากเด็กที่ไม่เคยเป็นอะไรเลย แต่วันนี้ได้เป็นนักแสดงและผู้กำกับ ก็เพราะคำสอนของอาฉลอง

กะทันหันครับ ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคุณอาป่วย อายุคุณอาก็เยอะแล้ว แต่เราก็เชื่อในความแข็งแรงของคุณอามาตลอด ยังไงก็รู้สึกไวไป เพราะท่านแข็งแรงมาก ผมได้เจอท่านล่าสุดน่าจะประมาณเดือนที่แล้วครับ ก็ได้พูดคุยกันครับ คือรอบแรกที่ไปเยี่ยมก็ยังหนัก แต่ 2 รอบสุดท้ายดีขึ้นเป็นลำดับ จนรอบล่าสุดที่ไปเยี่ยมเราก็ชมว่าคุณอาดูสดใสขึ้นนะครับ ก่อนที่เราจะขอตัวกลับ ตอนนั้นท่านอยู่ที่บ้านแล้ว เราก็ลาคุณอาและเดินมาถึงประตู หันกลับไปอีกทีคุณอามายืนอยู่ข้างหลังแล้ว พยาบาลบอกว่าเขาจะทำให้ลูกศิษย์เห็นว่าคุณอาแข็งแรงขึ้นแล้วนะ ลูกศิษย์ไม่ต้องห่วง เราก็ดีใจที่คุณอาลุกเดินได้ เพราะเห็นคุณอานอนบนเตียงมาหลายปี

จากกรณีที่ก่อนหน้านั้น ได้มีข่าวเศร้าของวงการบันเทิง เมื่อ ผู้กำกับและผู้สร้างภาพยนต์ ฉลอง ภักดีวิจิตร ได้เสียชีวิตวันที่ 13 กันยายน 2567 ปิดตำนานเจ้าพ่อระเบิดภูเขาเผากระท่อมเจ้าพ่อหนังแอคชั่นไทย สิริอายุ 93 ปี ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี เวลาประมาณ 15.30 น ทำให้เหล่าดาราและแฟนๆต่างโศกเศร้ากัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เอก รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็งเรียกว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิอีกคน

ล่าสุด หลังจากรดน้ำศพอาฉลอง เจ้าตัวก็ได้เปิดใจทั้งน้ำตา บอกว่าตลอดเวลาที่ร่วมงานด้วยกัน อาฉลอง เปรียบเสมือนครูที่คอยพร่ำสอนให้ตนได้มีวันนี้ จากเด็กที่ไม่เคยเป็นอะไรเลย แต่วันนี้ได้เป็นนักแสดงและผู้กำกับ ก็เพราะคำสอนของอาฉลอง

กะทันหันครับ ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคุณอาป่วย อายุคุณอาก็เยอะแล้ว แต่เราก็เชื่อในความแข็งแรงของคุณอามาตลอด ยังไงก็รู้สึกไวไป เพราะท่านแข็งแรงมาก ผมได้เจอท่านล่าสุดน่าจะประมาณเดือนที่แล้วครับ ก็ได้พูดคุยกันครับ คือรอบแรกที่ไปเยี่ยมก็ยังหนัก แต่ 2 รอบสุดท้ายดีขึ้นเป็นลำดับ จนรอบล่าสุดที่ไปเยี่ยมเราก็ชมว่าคุณอาดูสดใสขึ้นนะครับ ก่อนที่เราจะขอตัวกลับ ตอนนั้นท่านอยู่ที่บ้านแล้ว เราก็ลาคุณอาและเดินมาถึงประตู หันกลับไปอีกทีคุณอามายืนอยู่ข้างหลังแล้ว พยาบาลบอกว่าเขาจะทำให้ลูกศิษย์เห็นว่าคุณอาแข็งแรงขึ้นแล้วนะ ลูกศิษย์ไม่ต้องห่วง เราก็ดีใจที่คุณอาลุกเดินได้ เพราะเห็นคุณอานอนบนเตียงมาหลายปี