สาวเอนฯ เล่าหมด ชายอ้างเป็น ตร.ไม่เสร็จกิจเพราะ อ่อน..แอ นักเรียนโหนกระแสอึ้ง ถ้าเป็นตำรวจจริง ประชาชนจะหวังพึ่งใครได้

จากรายการโหนกระแสวันนี้ ที่พูดคุยกรณี หญิงสาว วัย 27 ปี อาชีพเด็กเอนฯ ไปร้องเพจสายไหมฯ หลังถูกชายอ้างเป็นตำรวจซื้อบริการทางเพศ แต่กลับมาขอเงินคืน อ้างว่าไม่เสร็จทั้งยังข่มขู่รีดทรัพย์ แลกกับการไม่ดำเนินคดี

 

โดยผู้เสียหายเล่าพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ตอนแรกติดต่อมาซื้อบริการเหมือนลูกค้าปกติ โดยจ้างงานเป็นงาน “เอนวี” คือจะมีการเอนเตอร์เทน และจบที่มีสัมพันธ์กัน โดยตกลงกันที่ราคา 1,500 บาท ชายคนนี้จ่ายเป็นเงินสด

 

แต่ระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์กัน ฝ่ายชายมีปัญหาไม่แข็งตัว ตนพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังไม่แข็งตัว จนทำให้ตนเหนื่อยมาก และถามเขาไปว่า พี่เป็นอะไรเนี่ย ยอมรับว่ามีการใส่อารมณ์ไปเพราะเหนื่อย ทำให้ชายคนดังกล่าวลุกขึ้นมา แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ โดยเอากระดาษถ่ายเอกสาร ที่ถ่ายเอกสารธนบัตร 1,500 บาท ซึ่งหมายเลขธนบัตรตรงกับที่จ่ายให้ตน โดยชี้ว่าเป็นการเตรียมหลักฐานไว้ในการล่อซื้อ พร้อมกับขอเงินคืน โดยบอกว่า ตนไม่เสร็จกิจ ต้องคืนเงินให้ด้วย

 

สุดท้ายผู้เสียหาย พร้อมกับหญิงอีกคนที่ถูกจ้างงานมาเหมือนกัน ถูกพาตัวไปที่ อาคารหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ด้านหลังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยข่มขู่ว่าจะต้องถูกดำเนินคดี ต้องหาเงินมาประกันตัว และต้องจ่ายค่าปรับสุดโหดหลายหมื่นบาท

 

แล้วถ้าตนไม่อยากถูกดำเนินคดี “นาย” ให้จ่าย 2 หมื่นบาทเพื่อจบเรื่อง แต่พอผู้เสียหายไม่มีเงินจ่าย สุดท้ายตำรวจบอกว่า เอามาคนละ 5,000 บาทจะได้จบ

 

น้องอีกคนที่ถูกจับมาพร้อมกันยังเล่าด้วยว่า ตอนที่ตำรวจพาไปเอาเงินที่ห้อง เป็นตำรวจอีกคน ไม่ใช่คนที่จับ เขายังพยายามจะขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย และมีการลวนลาม แต่เมื่อผู้เสียหายไม่ยอม ก็ข่มขู่ว่า อย่าไปบอกใครนะ

 

ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เผยว่า เมื่อได้รับการร้องเรียนมา ประเด็นแรกต้องพิสูจน์ว่าเป็นตำรวจจริงไหม โดยหน่วยปฏิบัติงานพิเศษในพื้นที่ มีแค่ชุดเดียว 15 คน พอได้รับเรื่องร้องเรียนมา ตนก็เรียกมาทั้งหมด 15 คน สอบทุกคนว่าในตอนเกิดเหตุไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร แต่ไม่มีใครยอมรับเลยว่าไปกระทำความผิด แต่ถ้าผู้เสียหายทั้ง 2 คน สามารถชี้ตัวยืนยันได้ ก็ต้องนำตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

สำหรับห้องที่ผู้เสียหายถูกพาไป มันคือ อาคารหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ด้านหลังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถ้าไม่ใช่ตำรวจ จะเข้าไปในห้องนั้นไม่ได้ แต่ทาง พล.ต.ต.โชติวัฒน์ บอกว่า มักจะมีพวก “นิ้ว” นี่แหละ ที่ชอบไปทำตัวเป็นตำรวจ นิ้วก็คือลูกน้องของตำรวจ พวกอาสาที่ตำรวจเรียกไปใช้งานนู่นนี่ ใช้ช่วยเหลือเรื่องการสืบสวนบ้าง แต่เดี๋ยวนี้น้อยแล้ว

 

เรื่องนี้ทำให้นักเรียนในห้องโหนกระแสตั้งข้อสังเกตว่า ด้วยพฤติการณ์อะไรต่างๆ ก็พออนุมานได้ว่าเป็นตำรวจจริง หรือถ้าไม่ใช่ ก็ต้องเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำรวจ เพราะถึงขั้นพาไปในห้องทำงานของตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษได้ และถ้าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือตำรวจ ก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ประชาชนจะหันไปพึ่งพาใครได้ เพราะตำรวจกลายมาเป็นคนทำผิดเสียเอง